นี่เป็นครั้งที่สามที่ผมได้กลับไปเยือนสถานที่ที่ผมเรียกว่าบ้านพักตากอากาศของผม ..
แน่นอนว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมได้มาเยือน”ศรีพันวา”
การเดินทางเริ่มต้นด้วยความสดใสของอากาศที่กรุงเทพฯ ผมเลือกใช้การเดินทางด้วยเครื่องบินเวลาไปภูเก็ตทุกครั้งเพราะมันช่วยให้เราประหยัดเวลาและไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากเกินไป
จริงๆทริปนี้ผมเดินทางไปทั้งหมด 5 วันฮะ แต่สองคืนแรกผมไปพักที่ foto Hotel
อากาศช่วง 2 วันแรกที่ไปถึงภูเก็ตดีมากจริงๆฮะแต่พอย้ายที่พักมาที่ศรีพันวาอากาศก็เริ่มแผลงฤทธิ์
แน่นอนว่ารถที่มารับเหมาะสมกับความเป็น Luxury ของศรีพันวามาก วันนี้เราได้นั่งรถตู้เบนซ์กันฮะ จริงๆ 3 ครั้งที่มาก็แล้วแต่ล่ะครับว่าจะเจอรถอะไร บางทีแขกเยอะๆต้องรับ-ส่งลูกค้าพร้อมๆกันก็อาจจะมีรถญี่ปุ่นบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสตรงนี้นัก ครั้งแรกรถรับส่งเป็นรถตู้โฟล์คสวาเก้น ครั้งที่สองเที่ยวรับเป็น fotuner เที่ยวส่งเป็น camry
ระยะเวลาในการเดินทางจากสนามบินมาที่แหลมพันวาใช้เวลาพอสมควรฮะ ประมาณ 45 นาทีหรือเกือบๆชั่วโมงถ้าเป็นช่วงเช้ามากหรือเย็นๆเพราะช่วงนี้ถนนตรงแยกเซ็นทรัลฯมีการก่อสร้างอีกหลายปีกว่าจะเสร็จ
เมื่อมาถึงศรีพันวารถจะมาจอดส่งเราที่”ศาลา”ฮะ ตรงนี้จะเป็นอาคาร 3 ชั้นเป็นจุดเช็คอิน-เอ้าท์ ร้านขายของที่ระลึกและห้องอาหาร Baba Soul Food รวมอยู่ในนี้
เราลงมาที่ชั้นที่สองจะเป็นจุดเช็คอิน-เอ้าท์ฮะ
หลังจากเซ็นต์เอกสารการเข้าพักและรับคำแนะนำเบื้องต้นจากน้องพนักงานแล้วก็ได้เวลาไปที่วิลล่าซักที
หลายๆคนที่เคยเห็นรีวิวศรีพันวาคงคุ้นเคยกับรถแบบนี้ดีนะฮะ นี่เป็นรถรับส่งสำหรับลูกค้าที่ต้องการจะไปตามจุดต่างๆของรีสอร์ท หรือบริเวณใกล้ๆรีสอร์ทเช่นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหรือร้านอาหารที่อยู่บริเวณแหลมพันวาก็สามารถเรียกใช้บริการได้ตลอด
อีกหนึ่งความประทับใจ ..
วิลล่าในฝั่งของ 1 BR Luxury Pool Villa จะมีวิลล่าทั้งหมด 22 หลังตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาโดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ สองครั้งแรกที่ผมมาพักที่นี่จะเรียกว่าเป็นโชคก็ได้ฮะที่ได้พักในวิลล่าที่อยู่ทางด้านริมขวาสุดของแต่ละระดับหมดเลย ครั้งแรกได้นอน LV.17 ซึ่งถือเป็นหลัง Signature ของศรีพันวาเลยก็ว่าได้โดยครั้งนั้นไม่ได้รีเควสอะไรมาเลย ครั้งที่สองผมรีเควส LV.11 ไปตอนจองก่อนค่อนปีแต่เรื่องเหลือเชื่อก็คือวิลล่า 11 ไม่ว่างช่วงที่ผมจะไป ครั้งนั้นก็เลยได้นอน LV.5 ซึ่งอยู่ระดับล่างสุดแทนซึ่งก็ไม่ได้รีเควสแทน LV.11 เช่นกัน (ตามรีวิวศรีพันวาครั้งที่ 2)
ผมพูดทีเล่นทีจริงกับคุณเหมียวผู้ช่วยของคุณปลาวาฬมานานมากแล้วว่า ถ้ามีโอกาสไปศรีพันวาอีกผมจะนอน LV.11 นะ ซึ่งก็ไม่ได้มั่นใจหรอกฮะว่าตอนที่มาครั้งนี้จะได้พักวิลล่านี้จริงๆ ตอนที่น้องพนักงานยื่นคีการ์ดมาให้แล้วบอกว่าเราได้พัก LV.11 ผมพูดจริงๆว่าผมขนลุก 5555 อยากรู้แล้วใช่มั๊ยฮะว่าวิลล่าหลังนี้มีอะไรดีถึงทำให้ผมอยากพักให้ได้ ตามไปดูกันฮะ
LV.11 มีชื่อว่า Angel ฮะ สิ่งที่นางฟ้าหลังนี้มีไม่เหมือนวิลล่าหลังอื่นๆคือวิวฮะ ไม่ว่าจะเป็นวิลล่าฝั่ง LV. หรือวิลล่าฝั่งเรสซิเดนท์ทุกหลังจะหันหน้าออกไปทางทะเลในทิศเดียวเหมือนกันหมด แต่วิลล่าหมายเลข 11 จะเป็นหลังเดียวของฝั่ง LV. ที่หันหน้าออกไปทางปลายแหลม ซึ่งจะทำให้วิวของวิลล่าหลังนี้ไม่เหมือนวิลล่าหลังอื่นๆ
ในส่วนของตัววิลล่า จะเป็นวิลล่าแบบเดียวกับ LV.5 ที่ผมทำรีวิวไว้ครั้งก่อนฮะ คือจะเป็นวิลล่าที่แยกออกเป็น 2 หลัง หลังนึงเป็นห้องนอน
อีกหลังเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องครัว
ส่วนที่พิเศษอีกอย่างนึงก็คือห้องนั่งเล่นนี้เราก็สามารถมองเห็นวิวแบบเดียวกับวิลล่าฝั่ง LV. หลังอื่นๆด้วยเช่นกัน เรียกว่ามองได้ 2 มุมเลยทีเดียว
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา คิดถึงที่นี่มากต้องโดดน้ำฮะ
Rain Shower ของที่นี่มีแบบอาบลมห่มฟ้าด้วยนะฮะ ถ้าไม่อายผีสางเทวดาหรือว่าเรือที่อาจจะผ่านมาก็อาบได้ตามสบาย
ช่วงเย็นเรามีนัดกันที่ Baba Nest ฮะ
ครั้งที่แล้วที่ผมมา Nest ยังไม่ได้เปิดบริการ คราวนี้เลยต้องขึ้นมาใช้บริการซะหน่อย ..
บน Baba Nest นี้จะมี Cocktails อร่อยๆไว้คอยให้บริการฮะ
Baba Nest เป็น Rooftop Bar ที่ผมมั่นในว่าสวยที่สุดในภูเก็ตเลยฮะ เนื่องจากจุดที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของศรีพันวา บนอาคารที่เรียกว่า X23 ซึ่งอีกด้านนึงจะเป็นส่วนของที่พักของคุณปลาวาฬและครอบครัว วิวที่สามารถมองเห็นทะเลอันดามันและตัวเมืองภูเก็ตได้ 360 องศาเลยทีเดียว
ชั้นล่างที่มองเห็นลงไปก็เป็นส่วนของ Nest เช่นกันนะฮะ
ที่ Nest ตอนนี้ให้บริการเฉพาะผู้ที่เข้าพักในศรีพันวาเท่านั้นครับ แต่ก็ยังควรต้องจองที่นั่งก่อนอยู่ดีฮะ เพราะส่วนใหญ่จะเต็มทุกวันเช่นกัน เมื่อก่อนเคยเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้บริการได้แต่คนแน่นทุกวันจนต้องให้เฉพาะผู้เข้าพักก่อนเท่านั้นครับ
สำหรับตัวผม ผมยกให้ Baba Nest เป็นหนึ่งในบาร์มุมสูงที่สวยมากที่สุดที่เคยไปทำรีวิวมาฮะ ถ้าวันไหนที่อากาศเป็นใจที่นี่จะเป็นที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าที่สุดที่สุดแห่งนึงเลยฮะ เสียดายที่ผมไม่ได้มีโอกาสแบบนั้น ..
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพในวิลล่า X23 ของครอบครัวอิสสระฮะ พอดีคุณวาฬไม่อยู่ครั้งนี้เลยไม่ได้เจอกัน แต่คุณเหมียวก็แอบพาไปเก็บภาพมานิดหน่อย
ห้องนี้น่าจะเป็นห้องรับรองแขกฮะ จริงๆส่วนนี้ลูกค้าไม่สามารถเข้ามาได้นะฮะ ขอบคุณจริงๆที่ให้เข้าไปเก็บภาพมาให้ชมได้
บรรยากาศบน Baba Nest สุดยอดจริงๆฮะ
กลับมาที่วิลล่าของเราดีกว่าฮะ .. ส่วนของห้องนั่งเล่น
ด้านในมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบฮะ เคเบิ้ลทีวี เครื่องเสียง Bose ด้านหลังไปมีห้องน้ำและห้องครัว มินิบาร์และเครื่องดื่มที่สามารถทานได้ทุกอย่างฟรี ยกเว้นไวน์ฮะ มีเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล และที่พลาดไม่ได้หวานเย็นแช่อยู่ในช่องแช่แข็งฮะ
มาดูห้องนอนกันบ้างฮะ
ตอนมาถึงไม่ได้ถ่ายภาพเตียงตอนแรกไว้ กลับมาจาก Nest พนักงานมา Turn Down เตียงให้เรียบร้อย
ห้องนอนในวิลล่าแบบนี้จะเป็น 2 ระดับฮะ ด้านหน้าจะมี sofa bed ไว้ให้นั่งชมวิว มีเคเบิ้ลทีวีและเครื่องเสียง Bose อีกชุดไว้ให้ ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะสามารถเลือกเปิดปิดแต่ละจุดได้จากตำแหน่งเดียว เตียงนอนขนาด 7 ฟุตไม่นุ่มแต่ก็นอนสบายทีเดียว
ห้องน้ำอยู่ข้างๆกัน มีจากุซซี่อ่างใหญ่ขนาด 2 คนแช่ อ่างล้างหน้า 2 อ่าง ด้านหลังไปเป็นห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำที่สามารถทำ stream ได้ ห้องสุขา
ที่เก๋ๆคือเพดานด้านบนที่ฮะ เหมือนเรากำลังนอนดูดาวเลย
ตัดภาพมาที่เช้าวันรุ่งขึ้นฮะ ..
จริงๆวิลล่าหลังนี้เป็นหลังที่สามารถมองพระอาทิตย์ขึ้นได้จากปลายเตียงเลยฮะ แต่ผมต้องผิดหวังเพราะอากาศไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่
ยังดีที่ช่วงเช้าๆยังมีแดดบ้าง
วิลล่าที่มองวิวทะเลออกไปสุดสายตา มองเห็นเกาะไม้ท่อนอยู่ตรงหน้า และถ้าอากาศเคลียร์ๆก็จะเห็นป่าเกาะที่อยู่ไกลออกไป
ได้เวลาไปทานอาหารเช้ากันแล้วฮะ
เราต้องไปทานอาหารเช้ากันที่ Baba Poolclub ฮะ
อาหารเช้าจะเสิร์ฟถึง 10 โมงนะครับ
อาหารเช้าครั้งนี้ดูแตกต่างจากครั้งก่อนๆที่มาพอสมควรฮะ ตอนนี้มีการจัดไลน์บุฟเฟห์มากขึ้น จากที่ครั้งก่อนๆจะใช้การสั่งแบบ a la carte ซะเป็นส่วนใหญ่
จานหลักสามารถสั่งเป็น a la carte ได้ มีให้เลือกหลายอย่าง ไส้กรอกหมู-ไก่ แฮม เบคอน มันฝรั่ง มะเขือเทศ เห็ด
เมนูไข่ก็สั่งได้ ออมเลต ไข่ต้ม ไข่คน ไข่ดาวเลือกสุกมาก-น้อย
หรือจะเป็น Eggs Benedict ที่สามารถเลือกซอสได้
เฟรนซ์โทสต์มิกซ์เบอร์รี่ แพนเค้กกล้วยหรือชอคโกแลต หรือวาฟเฟิล
นอกจากนี้ยังมีไลน์เบเกอรี่อีกมากมาย
รวมไปถึงไลน์อาหารคาวอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ขนมจีนแกงปู แกงป่า ผัดผัก ผัดซีอิ้ว ผัดไทย สลัด ฯลฯ
อิ่มกันแล้วก็จะพาไปชมส่วนอื่นๆกันบ้างฮะ
ส่วนแรกที่จะพาไปก็คือ Beach Pool ครับ
Beach Pool อยู่ถัดไปจาก Baba Poolclub นิดหน่อยฮะ ที่นี่เป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางอีกที่ในศรีพันวานอกจากที่ Poolclub ฮะ
จากตรงนี้จะเห็นวิวของวิลล่าฝั่ง LV.ทั้งหมดรวมถึงจุดที่สูงที่สุดอย่าง X23 ด้วยครับ
ใกล้ๆกันจะมีทางเดินลงไปที่ชายหาดด้านล่างฮะ
ข้างล่างนี่เป็นหาดเล็กๆฮะ อาจจะไม่ค่อยเหมาะที่จะเล่นน้ำเท่าไหร่ แต่ก็มีเตียงไว้ให้นอนเล่นหลายตัวฮะ
หรือว่าถ้าจะพายคายัค ก็สามารถเรียกพนักงานที่ดูแลบน beach pool มาแนะนำหรือสอนให้ได้ครับ
จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิลล่า X23 ได้ชัดเจนเลยฮะ แล้วตรงนี้ยังเป็นจุดที่สามารถเดินขึ้น Pier หรือสะพานท่าเรือได้ฮะ ผมมาที่นี่ 3 ครั้งแล้วตั้งใจว่าครั้งนี้จะเดินไปให้สุดสะพานให้ได้ สรุปน้ำขึ้น เดินไปขึ้นสะพานยังไม่ได้เลยฮะเพราะน้ำแรงมากแล้วต้นสะพานก็ลอยอยู่ในน้ำลึก เป็นอันว่าอดไปตามระเบียบอีกครั้ง
ศรีพันวาอย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำรีวิวฮะ ว่าที่นี่เน้นสร้างสิ่งปลูกสร้างให้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ใช่สร้างเพื่อทำลายธรรมชาติ ที่นี่ก็เลยยังสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติฮะ
กลับมาที่ Baba Poolclub กันอีกทีฮะ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของห้องพักแบบ Pool Suites แล้วก็ยังมีห้องเกมส์อีกด้วย
ต่อไปจะพาไปที่ Cool Spa ฮะ
Cool Spa อยู่ไม่ไกลจาก Poolclub ฮะ
ที่นี่จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำเรื่องของการทำสปาแบบต่างๆ
ไปดูห้องทำสปากันบ้างฮะ ห้องทำสปาที่นี่จะแบ่งเป็น 2 แบบฮะ คือแบบนวดไทยและนวดแบบทั่วไป
ห้องแรกที่จะพาไปดูเป็นห้องนวดแบบทั่วไปฮะ
ในห้องจะมีห้องอาบน้ำและห้องสุขาอยู่พร้อม มีอ่างจากุซซี่ และเปิดเพลงจากเครื่องเล่นคลอตลอด
ห้องด้านล่างลงมาอีกหนึ่งชั้นจะเป็นห้องสปาแบบไทยฮะ แบบห้องก็จะคล้ายๆกับห้องสปาทั่วไปเพียงแต่เปลี่ยนเตียงมาเป็นฟูกแบบที่เห็น
เป็นสปาที่มีบรรยากาศที่ดีมากๆเลยฮะ
เมื่อทำสปาครบโปรแกรมแล้วก็จะมีที่ให้นั่งพักรีแล็กซ์ด้วยฮะ
กลับมาที่ Baba Poolclub กันอีกทีฮะ ได้เวลาของมื้อกลางวันกันแล้ว
กลับมาทานที่เดียวกับที่ทานมื้อเช้าฮะ ที่ BabaQ จะเปิดบริการอาหารทุกมื้อครับ อาหารก็เป็นอาหารไทยและอินเตอร์เนชั่นแนล
นอกจากนี้ยังมี Baba Hotpot อีกด้วยฮะ
มาดูรายการอาหารกันบ้างดีกว่าฮะ
จานแรกกับ Pizza Parma Ham กับ Garlic & Mozzarella Cheese
จานที่สอง Rip-Eye (Wrap) Tomato Rocket Parmesan Cheese & Mayo
Spaghetti Pink with Crap Meat (cream&tomato sauce)
Tiger Prawn with Passion-sake sauce เสิร์ฟพร้อมมันบดและข้าวผัดกระเทียม
ยังไม่หมดฮะ Sushi ขอแบบจัดรวมพิเศษมาเลย ในนี้ก็มี Makuro Aburi , Hamachi , Foie Gras Aburi , Salmon , Engawa และ Amaebi
จานนี้ก็อร่อยมากฮะ Dragon Roll
และสุดท้าย Chicken Wings (Crispy wings infused with lemongrass , garlic & chili) จานนี้มา 3 ครั้งคนที่มาด้วยสั่งทั้ง 3 ครั้งเลยฮะ ไม่บอกก็รู้ว่าติดใจ
อิ่มคาวแล้วก็มาทานหวานกันบ้างฮะ ของหวานมีมา 3 อย่างครับ
อย่างแรก Panacotta ชาไทย
ไอศครีมคาราเมลเฉาก๊วย
และ Jusmin Cream Brûlée
ส่วนตัวผมชอบพานาค็อตต้าชาไทยครับ
นอกจากนี้ที่ Baba Poolclub ยังมีส่วนอื่นๆให้บริการอีกฮะ
Pool Bar อยู่ใกล้ๆกับ Main Pool ของ Poolclub
Sunken seat เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ Poolclub ฮะ แนะนำว่าถ้าอยากนั่งทานอาหารตรงนี้ต้องจองก่อนครับไม่งั้นไม่ได้นั่งแน่ๆ
ความธรรมชาติที่สามารถเห็นได้ทั่วไป
พากลับไปที่ “ศาลา” อีกครั้งฮะ
ที่ศาลาจะมีร้านขายของที่ระลึกชื่อว่า YAYA ฮะ
ในร้านจะมีของที่ระลึกจำหน่ายหลายอย่างครับ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องใช้ ฯลฯ
นอกจากนี้ด้านล่างลงไปอีกหนึ่งชั้น จะเป็นที่ตั้งของห้องอาหารอีกแห่งของศรีพันวา นั่นก็คือ ” Baba Soul Food ”
ห้องอาหารนี้ครั้งที่แล้วที่ผมมาจะเป็นที่ทานอาหารเช้าฮะ แต่ตอนนี้ถูกปรับเป็นห้องอาหารที่ให้บริการอาหารเย็นอย่างเดียว
อาหารที่ให้บริการก็เป็นอาหารไทยสไตล์พื้นเมืองฮะ
ที่ห้องอาหารนี้ผมไม่ได้ใช้บริการก็เลยไม่มีภาพอาหารมาให้ชมนะครับ
ครั้งนี้ถือเป็นการมาเยือนศรีพันวาเป็นครั้งที่ 3 ไม่เคยมีโรงแรมที่ไหนที่ผมกลับไปเยือนมากถึง 3 ครั้ง ผมเองก็ค่อนข้างแปลกใจที่รู้สึกผูกพันและได้กลับมาเยือนศรีพันวาบ่อยแบบนี้
นี่ล่ะมั้งที่เรียกว่า ” Destiny หรือ พรหมลิขิต ” ศรีพันวายังคงเป็นแบบที่ผมกล่าวไว้ในรีวิวศรีพันวาครั้งแรกว่า สำหรับผมที่นี่ไม่ใช่โรงแรมหรือรีสอร์ท แต่ที่นี่คือ “บ้านพักตากอากาศ” ของผม
บทสรุป ..
แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในที่พักในฝันของใครหลายๆคน ศรีพันวายังคงยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุดสำหรับที่พักที่น่าพักที่สุดแห่งนึงของเมืองไทย ทุกครั้งที่ผมมาเยือนผมยังคงตื่นเต้นเหมือนกับจะได้เจอเพื่อนที่คุ้นเคยที่จากกันไปนานทุกครั้ง
จุดเด่นของศรีพันวาคือวิว ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงจุดไหน วิลล่าหลังใดคุณก็จะได้ร้องว๊าวกับวิวที่อยู่ตรงหน้าเสมอ เรื่องของการบริการสำหรับผมยังถือว่าอยู่ในระดับดีมากเช่นเดิม ลูกค้าของศรีพันวาที่เป็นคนไทยเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าคุณจะได้รับการบริการที่แตกต่างกับคนต่างชาติ และบอกเลยว่าทุกครั้งที่ผมไปพักที่นี่ผมได้รับการบริการไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น CR หรือ SR
หลายๆคนถามผมในฐานะที่เคยไปพักวิลล่าแบบ LV. ทั้ง 2 แบบ (ถ้ากลับไปดูรีวิวที่ผมทิ้งลิ้งค์ไว้จะทราบ) ว่าผมชอบวิลล่าแบบไหนมากกว่ากัน ผมคงต้องบอกตามตรงว่าผมชอบวิลล่าแบบ LV.17 มากกว่าฮะ เนื่องจากการจัดวางแปลนของวิลล่าดูจะใช้งานได้ง่ายกว่าแบบ LV.5 และ 11 ที่อยู่ 2 ระดับล่าง และห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความชอบนะฮะ เพราะส่วนที่เหลือก็คล้ายๆกันหมด วิวก็แทบจะไม่ต่างกันมาก
ส่วนที่ผมคิดว่าด้อยลงผมก็ต้องบอกตามจริงว่าครั้งนี้ผมรู้สึกว่าอาหารเช้าดรอปลงไปนิดนึงฮะ ผมชอบ 2 ครั้งแรกที่อาหารส่วนใหญ่เป็นแบบ a la carte มากกว่า แต่รสชาติก็ไม่ได้อร่อยน้อยไปกว่าเดิมนะครับ ส่วนอื่นๆก็ไม่ได้มีอะไรที่ผมไม่ชอบใจ .. (อ่านมาถึงตรงนี้ถ้าคิดว่าผมอวย ก็กลับไปอ่านรีวิว 2 ครั้งแรกฮะว่าผมเคยเขียนอะไรไว้บ้าง)
สุดท้าย .. ขอบคุณคุณวาฬ คุณเหมียว ที่ทำให้ผมได้กลับไปพักที่นี่อีกครั้ง (ยังเหลือ LV.22 อีกหลังนะฮะ ที่เป็นหลังริมสุดที่ผมยังไม่ได้พัก ฮ่าฮ่า) ทุกครั้งที่ไปพักที่นี่ได้รับความประทับใจกลับมาทุกครั้งจริงๆ
ขอบคุณเพื่อนๆบีพีที่ตามรีวิวจนจบ ขอบคุณมากๆที่ติดตามกันมาตลอดและเป็นกำลังใจให้มีแรงทำรีวิวต่อไปอีกเรื่อยๆ ขอบคุณมากๆครับ
ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ