วันนี้ผมจะพาไปรู้จักโรงแรมที่สร้างความประทับใจในการไปเยือนให้กับผมที่สุดอีกแห่งนึงตั้งแต่ทำรีวิวมาครับ
โรงแรมแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลยแค่พัทยานี่เองฮะ
Hilton Pattaya โรงแรม 5 ดาว เชนระดับโลกอีกแห่งในเมืองพัทยา ทุกย่างก้าวในโรงแรมนี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์
การออกแบบและดีไซน์ที่คุณอาจจะไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปชมกันฮะ
ปล. ที่จริงผมได้รับคำเชิญจากทาง hilton มานานมากแล้วฮะ แต่ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมที่นี่ซักที ครั้งนี้พอมีเวลาก็เลยได้ไปซะที
หลายๆอย่างที่ผมได้รับการบริการอาจจะไม่มีให้บริการกับลูกค้าทั่วไป แต่อะไรที่ได้รับพิเศษหรือมีค่าใช้จ่ายผมจะบอกไว้ชัดเจนนะครับ
ก่อนอื่นมาพูดถึงการเดินทางกันฮะ โรงแรมฮิลตันตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช หรือตรงพัทยากลางเลยฮะ ไปไม่ยากเลยใช่ป่ะ
ทางเข้าก็เข้าทางเดียวกับห้างครับ ที่จอดรถก็จอดบนที่จอดของห้างนั่นล่ะ
เมื่อลงกระเป๋าเสร็จก็รับบัตรจอดฟรีขึ้นไปจอดตรงส่วนจอดของโรงแรม ตรงนั้นจะมีทางเข้าโรงแรมอยู่ครับ
แค่ทางเดินเข้าก็ไม่ธรรมดาแล้วฮะ รู้เลยว่าที่นี่ต้องมีของ 5555 หมายถึงต้องมีอะไรที่พิเศษในเรื่องของการออกแบบแน่นอน
มองๆดูไปเหมือนเรากำลังเดินทางข้ามเวลา ซึ่งตามการออกแบบช่องนี้ก็ทำให้เป็นเหมือน Time Machine จริงๆ
จากช่องนี้เราต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 16 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ lobby ฮะ ส่วนเรื่องกระเป๋าก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่ากระเป๋าก็ขึ้นมารอเราอยู่แล้ว
ทางส่วนต้อนรับแจ้งว่าเตรียมห้องพักแบบ Executive Plus Seaview เอาไว้ให้
บนนี้จะเป็นเล้าจน์พิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้าพักในห้องพักแบบ Executive ขึ้นไปสามารถมา เช็คอิน-เช็คเอ้าท์
วันนี้เราพักกันที่ชั้น 26 ครับ ดูเลขบอกชั้นซะก่อน บอกแล้วว่าทุกย่างก้าวของที่นี่มันมีดีไซน์จริงๆ
แม้กระทั่งเลขห้องก็ยังคงมีรายละเอียดที่ไม่ได้มองข้ามไป
อ้อ .. ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่เยี่ยมมากฮะ เห็นว่าอยู่กับห้างก็ไม่ใช่ว่าใครจะเดินขึ้นมาบนนี้ได้ ลิฟท์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครับ ส่วนแรกจะขึ้นมาได้แค่ล็อบบี้และห้องประชุม ส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนที่ขึ้นไปยังห้องพักซึ่งส่วนนี้ต้องใช้คีย์การ์ดของห้องเราแตะที่ลิฟท์แล้วกดชั้นที่เราต้องการไปซึ่งก็กดได้เฉพาะชั้นที่เราพักและถ้าพักห้องแบบ Executive ก็จะกดไปที่ชั้น 33 ได้อีกชั้นเพื่อไปใช้ lounge ได้ครับ
เข้ามาที่ห้องพักครับ ห้องพักห้องนี้เรียกว่าห้องแบบ ” Hilton Executive Plus Seaview ” ฮะ เป็นห้องแบบที่อยู่หัวมุมตึกด้านหน้าสุดของชั้นฮะ
ผลไม้และขนมต้อนรับ ซื่งอันนี้ลูกค้าที่เข้าพักทั่วไปจะไม่ได้นะครับแต่ถ่ายมาให้ดูนิดนึง
ห้องแบบ Executive Plus Seaview นี้เป็นห้องแบบเตียง King Size ตั้งอยู่กลางห้องที่มีขนาด 65 ตร.ม. มีระเบียงด้านนอกที่สามารถออกไปนั่งชมวิวอ่าวพัทยาได้
ในห้องมี Sofa Bed ให้หนึ่งตัว หลังเตียงไปจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขนาดใหญ่พอสมควรมีไฟเปิดปิดระบบเซ็นเซอร์ หัวเตียงมีโต๊ะทำงาน และมีมินิบาร์อยู่ที่มุมห้องครับ
มีทีวีอยู่ปลายเตียง พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี ด้านนอกระเบียงมี Day Bed ให้อีกตัวครับ
ข้างๆหัวเตียงมี iPod Dock ไว้ให้เสียบเครื่องเล่นจากมือถือได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของห้องน้ำอยู่ด้านข้างเตียงออกไปอีกด้วยครับ
ทุกส่วนมีบานเลื่อนแยกออกจากกันได้หมดครับ ที่นี่มีสายชำระด้วยนะครับ
ส่วนกลางของห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้า 2 อ่างครับ ส่วนห้องอาบน้ำกับห้องสุขาก็จะแยกซ้ายขวากันคนละด้านฮะ
อุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำมีให้ครบครับ ส่วนผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่นี่จะใช้ของ PETER THOMAS ROTH ทุกอย่างครับ ให้มาครบทุกอย่างจริงๆมีแม้กระทั้งฟองน้ำขัดหลัง เรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่แสดงออกถึงความเป็นเชน 5 ดาวจริงๆเพราะขนาดผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำยังใช้ของดีระดับนี้เลยฮะ
ห้องแบบ Plus นี้มีสิ่งนึงที่พิเศษกว่าห้องแบบอื่นๆ และเป็นสิ่งที่ทำให้ห้องแบบนี้ขายดีมากๆด้วยนั่นก็คือ Bathtub ฮะ ที่ห้องนี้อ่างแช่น้ำจะอยู่ที่ระเบียงห้องด้านนอกเลยครับ เราสามารถนอนแช่ไปชมวิวไปได้เลย
ที่เห็นมีดอกไม้แช่อยู่ในอ่างนี้เป็นบริการ Bath Master ของทางโรงแรมครับ ถ้าจะใช้บริการต้องเสียค่าบริการนะครับ ไม่แน่ใจเรื่องราคาเหมือนกัน แต่ก็ไม่แพงครับ
นอนแช่ไปก็ชมวิวพัทยาไป ใจจริงอยากแช่น้ำนานๆฮะ แต่ผมกับผบ.ทบ.ตั้งใจว่าจะขึ้นไปดื่มอะไรกันที่บาร์ด้านบนซะหน่อย
เย็นๆเราก็กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 34 ชั้นบนสุดของโรงแรมครับ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ ” HORIZON ” Rooftop Restaurant and Bar ครับ
ที่นี่เป็นบาร์ลอยฟ้าที่สูงที่สุดของพัทยาฮะ สามารถชมวิวได้แบบพาโนราม่า บาร์แบบ open air ให้บริการเครื่องดื่มอร่อยๆ บรรยากาศด้านบนนี้ขอบอกว่าโรแมนติคมากๆครับ
นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารในห้องปรับอากาศฮะ
มีห้องพิเศษที่เอาไว้ดินเนอร์ส่วนตัวอีกด้วย
HORIZON เปิดให้บริการทุกวันครับ สองส่วนจะแยกเวลาบริการต่างกันฮะ
ที่ Infinity bar ด้านนอกจะเปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง ตี 1
ส่วนของ Restaurant จะเปิดให้บริการ 6 โมงเย็นจนถึง 5 ทุ่มครึ่งฮะ
บรรยากาศช่วงเย็นๆของบน Horizon เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงฮะ ผมว่าที่นี่เป็น Rooftop Bar ที่มีวิวสวยที่สุด ชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในเมืองพัทยาเลยก็ว่าได้
มาดูเครื่องดื่มที่เรียกว่าเป็น Signature Cocktail ของที่นี่กันดีกว่าครับ
” Horizon 8 Shot Tower ” เป็นค็อกเทล 8 ช็อตเรียงกัน มีหลายรสชาติหลายสีสันให้เลือกนะครับ
ค็อกเทลของที่นี่ก็จะมีช่วงเวลา Sunset Session ช่วง 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม จะโปรโมชั่น 1 แถม 1 ฮะ ราคาของค็อกเทลผมว่าก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรพอรับได้ฮะ
เอามาฝากกันซัก 3 แก้วแล้วกันฮะ แก้วแรก Blue Magarita
แก้วที่ 2 A tribute to Yallo
แก้วที่ 3 Singapore Sling แฮ่~~ แอบจิบไปนิดแระ
แนะนำจริงๆสำหรับการขึ้นมาทานค็อกเทลข้างบนนี้ครับ วันไหนที่อากาศดีๆคุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในพัทยากับบรรยากาศโรแมนติคบนนี้ครับ
สวยครับ แอบเสียว มันสูง ฮ่าๆ
เดี๋ยวเราจะมาทานอาหารค่ำกันที่ห้องอาหาร Horizon อีกครั้ง แต่ตอนนี้ลงมาชมด้านหน้ากันก่อนดีกว่าฮะ
ผมจะพาลงมาที่ชั้น 16 ตรงข้างล็อบบี้ จะมีห้องอาหารอีกห้องนึงของฮิลตันพัทยาห้องอาหารนี้มีชื่อว่า Drift ฮะ
ที่นี่เป็นเหมือน Lobby Lounge ให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม มีให้บริการ 2 ส่วนครับ คือส่วนห้องปรับอากาศและส่วน Open Air ฮะ
**** อ้อ .. มาถึงตรงจุดนี้ผมขออธิบายนิดนึงเพื่อความเข้าใจในคอนเซ็ปของโรงแรมฮะ ฮิลตันพัทยา เป็นโรงแรมที่ถูกออกแบบในคอนเซ็ปที่ไม่เหมือนกับฮิลตันอื่นๆฮะ ทุกๆส่วนของโรงแรมจะถูกเชื่อมโยงโดยมี theme หลักเป็นทะเล เพราะฉะนั้นเวลาที่มองส่วนต่างๆของโรงแรมเราก็จะเห็นได้ว่าคนออกแบบต้องการจะสื่ออะไร อย่างเช่นโทนสีของโรงแรมก็จะเป็นสีครีมบ่งบอกถึงสีของทราย โซฟาที่เห็นจะเป็นลักษณะกลมๆ มีหมอนใบเล็กๆกลมๆวางอยู่มีหลายสีสันก็จะแทนก้อนหินในท้องทะเลเป็นต้น เดี๋ยวถ้าพอนึกอะไรออกผมจะอธิบายให้ฟังไปตามภาพแล้วกันนะครับ ****
ริ้วผ้าบนเพดานก็เปรียบกับทรายที่ถูกคลื่นซัดจนเป็นริ้วๆประมาณนี้ฮะ
ด้านนอกของ Drift เป็นอีกจุดที่ช่วงเย็นๆคนเยอะมาก เพราะนี่เป็นที่จุดที่เราสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกของเมืองพัทยาได้สวยงามไม่แพ้บน Horizon จะมีโซฟากลางน้ำอยู่ 5 ตัวให้เราได้นั่งชิลล์ โซฟานี้ก็เปรียบเสมือนเกาะ 5 เกาะที่อยู่กลางทะเลครับ
อีกฝั่งของล็อบบี้ก็จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำฮะ คนที่จะใช้สระว่ายน้ำได้ก็ต้องมีคีย์การ์ดนะครับถึงจะเปิดเข้าไปด้านในได้
สระว่ายน้ำนี้เป็นแบบ Infinity Pool ครับ ใหญ่พอสมควรเลย มีสระผู้ใหญ่ สระเด็ก แล้วก็บ่อจากุซซี่ด้วย เห็นแล้วอยากโดดมาก แต่ช่วงที่ไปอากาศเย็นมากเลยไม่ได้ลงไปเล่นเลยฮะ
ที่สระจะมีบาร์เครื่องดื่มชื่อว่า Shore อยู่ด้วยนะครับ
ดูความน่าเล่นของสระว่ายน้ำฮะ
โรงแรมตั้งโดดเด่นอยู่กลางพัทยากลาง
กลับมาที่ล็อบบี้กันบ้างดีกว่า ยังไม่ได้เห็นเลย
เมื่อเราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 16 แล้วลิฟท์เปิดมาเราก็จะเจอกับล็อบบี้เลยฮะ แอบกระซิบว่าถ้ามีเด็กๆมาด้วย ตรงบันไดที่เห็นยังสามารถให้น้องๆหนูๆเดินขึ้นไปเช็คอินได้นะครับ จะได้รับชุดของขวัญเป็นของที่ระลึกด้วยฮะ
แน่นอนว่าที่ล็อบบี้นี่ก็เป็นแหล่งรวมของงานออกแบบอีกเช่นกัน ริ้วผ้าด้านบนคือริ้วทรายที่ถูกคลื่นซัดอย่างที่บอก พรมก็เป็นริ้วทราย โซฟาเป็นก้อนหิน มีหินขัดเงากอนเล็กๆด้วย โคมไฟคริสตอลเป็นแสงระยิบระยับของน้ำทะเลที่ถูกแสงอาทิตย์ ทุกอย่างมีที่มาหมดเลย
กดลิฟท์ลงมาที่ชั้น 1 กันดีกว่า ตรงนี้จะเป็นจุดที่ผมลงกระเป๋าไว้เมื่อช่วงเที่ยงฮะ อยู่ตรงทางเข้าห้างฝั่งถนนหน้าหาดก่อนจะรับบัตรจอดรถครับ
ตรงนี้จะมีส่วนต้อนรับส่วนแรกคอยรับกระเป๋าเราฮะ
มีส่วนนึงซึ่งสำคัญมากและผมยังไม่ได้บอกเลยคือ Executive Lounge ที่ชั้น 33 ครับ
ที่เล้าจน์นี้ลูกค้าที่เข้าพักให้ห้องแบบ Executive ขึ้นไปสามารถมาใช้ Benefit ได้ตลอดเวลาที่เข้าพักโดยจะมีช่วงเวลาของอาหารเช้าที่เลือกใช้ที่นี่ได้ ช่วงบ่ายๆสามารถไปนั่งจิบชายามบ่ายได้ฮะ จะมีของว่างพวกขนมเค้ก แซนวิชให้บริการ น้ำดื่มมีให้บริการตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ น้ำอัดลม ส่วนช่วงเย็นๆแบบนี้หลายๆคนน่าจะชอบเพราะเป็นเวลาของแอลกอร์ฮอร์โดยเฉพาะครับ
จะมีคานาเป้พร้อมกับแกล้มพอสมควร พร้อมเสิร์ฟค็อกเทลตามสั่งและของว่างอีกหนึ่งชุดแบบไม่อั้นให้ได้นั่งมึนกันไปข้างนึงเลยทีเดียวฮะ
Bloody Marry
Mojito แก้วนี้อร่อยมากฮะ ปลื้มๆๆ
ทานได้ไม่นานก็ได้เวลาขึ้นไปทานอาหารค่ำกันแล้วครับ ช่วงเวลาของเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอร์คือ 18.00-20.30 น.ครับ
ส่วนของ Lounge เปิดบริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงตี 1 ครับ
กลับขึ้นมาอีกทีที่ห้องอาหารของ Horizon ครับ
ทางโรงแรมจองโต๊ะไว้ให้ในห้องแบบส่วนตัวด้วยครับ อาหารถูกเซ็ทเอาไว้เป็นเซ็ทแล้วฮะ
เมื่อมานั่งก็จะมีของว่างเป็น Italian Bun ขนมปังอุ่นๆมาเสิร์ฟให้ก่อน
เครื่องดื่มตอนนี้ร้อนท้องไปหมดแล้วฮะชิมไปหลายแก้ว เลยสั่งเบาๆแบบน้ำสับปะรดปั่นมาก่อน
Starter ..
Edamame Veloute หรือซุปถั่วแระญี่ปุ่น
จานนี้ผมไม่มั่นใจชื่อภาษาอังกฤษครับ แต่เป็นซุปเห็ด สตาร์ทเตอร์อีกจานครับ
Seared Tuna ” Nicoise ” สลัดทูน่าแบบฝรั่งเศส
Lobster Claw Cocktail ก้ามล็อบสเตอร์สดๆทานกับน้ำสลัดสูตรพิเศษ
Main Course ..
Roast Snowfish ปลาหิมะแสนอร่อย บีบีคอนเฟิร์มฮะ
Grilled Tenderloin เนื้อนุ่มอร่อยทานกับซอสที่มีให้เลือกหลายชนิด
Dessert ..
Chocolate Temptation
Horizon Creme Brûlée
ห้องอาหาร Horizon ยังมีโปรโมชั่นในช่วงวันวาเลนไทน์ด้วยนะครับ ผมว่ามันน่าสนใจถ้าใครอยากจะพาคุณแฟนไปทานอาหารในบรรยากาศที่โรแมนติคน่าสนใจมากครับ ยังไงก็ลองโทรสอบถามกันเอาครับผมไม่อยากขายของฮะ
อิ่มอร่อยแล้วก็ได้เวลากลับห้องครับ
แม้แต่ทางเดินระหว่างไปห้องก็มีอะไรให้มองนะครับ พรมตามทางเดินก็มีลายริ้วๆเป็นเหมือนคลื่นทะเลซัดสาด มีก้อนหินให้อารมณ์เหมือนเราเดินอยู่ชายทะเลเลยครับ
แน่นอนว่าคืนนั้นเป็นคืนที่หลับฝันดีมากๆอีกหนึ่งคืนครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น .. ผมรีบตื่นลงไปถ่ายรูปห้องอาหารแต่เช้าครับ
ห้องอาหารเช้าจะจัดไว้ที่ Edge ครับ เอดจ์เป็นห้องอาหารหลักอีกหนึ่งห้องครับ เปิดบริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าและปิด 5 ทุ่มครึ่งฮะ
เอดจ์อยู่ที่ชั้น 14 ครับ แต่การจะไปที่ห้องอาหารเอดจ์เราต้องกดลิฟท์ลงมาที่ชั้น 15 แล้วจะมีบันไดเลื่อนลงไปที่ชั้น 14 อีกทีฮะ
เมื่อลงมาถึงชั้น 15 ก็จะพบกับการออกแบบที่แปลกตาไปอีกแบบแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปแบบเดิมเอาไว้ครับ
ที่ชั้นนี้จะเป็นส่วนของห้องมีตติ้งรูมอีกหลายห้องด้วยครับ
จริงๆผมได้สอบถามมาแล้วฮะ ฮิลตันพัทยามีผู้ออกแบบหลายคนครับ แต่ละส่วนจะแยกกันออกแบบแล้วค่อยเอามารวมกันในภายหลัง โดยคงคอนเซ็ปของทะเลเอาไว้ฮะ
คริสตอลเป็นสิ่งแทนคลื่นทะเลที่ส่องแสงเป็นประกายยามต้องแสงอาทิตย์
ที่ชั้น 15 นี้ยังมีทางเดินที่สามารถออกไปในส่วนของห้างเซ็นทรัลฯได้ด้วยนะครับ
นอกจากนี้ที่ชั้นนี้ยังมีห้องอาหารของโรงแรมอีกหนึ่งห้องอาหาร เป็นห้องอาหารไทยชื่อว่า ” Flare ” ครับโดยจะเปิดให้บริการในช่วงเย็นไปจนถึงดึกอย่างเดียวครับ ผมไม่ได้มีโอกาสได้ถ่ายภาพจากห้องนี้ แต่การออกแบบจะเชื่อมโยงกันทั้ง 3 ห้องอาหารคือ Drift จะเป็นเหมือนทะเลน้ำตื้น Edge จะเป็นเหมือนทะเลที่ลึกระดับกลางๆ และที่ Flare นี้จะเป็นเหมือนทะเลน้ำลึกฮะ (ลองหาดูภาพจากรีวิวเก่าๆของเพื่อนๆคนอื่นดูนะครับ)
เราจะลงไปที่เอดจ์เราก็ต้องเดินไปทางนี้ล่ะครับทางเดียวกับแฟลร์ แถมต้องเดินผ่านวัตถุลักษณะคล้ายๆสุ่มครอบไก่ชนอีก ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่เห็นนี้ถูกเปรียบแทน”แมงกระพรุน”ที่ส่องสว่างอยู่ในท้องทะเลครับ เก๋ป่าวล่ะฮะ
เมื่อเดินตัดลงบันไดเลื่อนมาก็จะถึงเอดจ์ ห้องอาหารเช้าที่ชั้น 14 กันแล้วฮะ
ห้องอาหารนี้ให้บริการทั้งห้องปรับอากาศและ open air ฮะ และแน่นอนว่าไม่ทิ้งคอนเซ็ปเดิม เก้าอี้บางตัวก็จะมีสีสรรค์สดใส เป็นเหมือนดอกไม้ทะเล บนเพดานก็มีโคมไฟที่เปรียบเหมือนแมงกระพรุน
ห้องอาหารด้านนอกครับ
ไลน์อาหารมีเยอะพอสมควรเลยครับ น่าจะเรียกว่ามีครบเท่าที่อยากได้ และรวมถึงคุณภาพวัตถุดิบก็เป็นเกรดโรงแรม 5 ดาวจริงๆ
สเตชั่นก๋วยเตี๋ยวและสารพัดผัดผัก
สลัดก็เรียงกันมา
อาหารญี่ปุ่นอันนี้ขาดไม่ได้เลยจริงๆ
สเตชั่นไข่ สั่งได้ตามชอบเลยครับ
ขนมปังเยอะมากกก
โยเกิร์ตสารพัดแบบ
น้ำผลไม่มีให้เลือกจนไม่รู้จะกินอะไรฮะ
ที่จริงผมตัดสินใจจะทานอาหารที่เอดจ์แล้วล่ะครับเพราะอาหารเยอะมากกว่าข้างบน Executive Lounge แต่ไงก็ไปดูข้างบนหน่อยแล้วกันว่ามีอะไรบ้าง
อาหารน้อยกว่าเยอะเลยครับ แต่ถ้าเป็นคนทานน้อยและไม่อยากวุ่นวายด้านล่างนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ
มีโต๊ะให้นั่งรับอากาศดีๆด้านนอกด้วยครับ
นั่งด้านในก็ดีครับ ทานไปชมวิวอ่าวพัทยาไปด้วยมีความสุขสุดๆ
กลับมาที่ห้องครับ บรรยากาศยามเช้าดีมากๆเลยครับ
ตอนเช้ามีหนังสือพิมพ์มาแขวนไว้ที่ประตูห้องด้วยครับ แต่เป็นหัวภาษาอังกฤษนะครับ
อ้อ.. อีกอย่างที่เดี๋ยวจะลืมบอก อินเตอร์เน็ตใช้ฟรีที่ล็อบบี้และห้องอาหารทุกห้องนะครับ แต่บนห้องพักมีค่าใช้จ่ายครับ
เช้าๆแบบนี้พัทยาก็คึกคักนะครับ แต่จะเป็นในรูปแบบของกีฬาทางน้ำซะมากกว่าผับบาร์
พอเที่ยงก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าเช็คเอ้าท์ครับ เราก็เช็คเอ้าท์ที่ชั้น 33 เหมือนเดิม แต่ภารกิจผมยังไม่หมดเท่านี้
ช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาของ AfterNoon Tea ที่ห้องอาหาร Drift ครับ แต่ก่อนจะทานหวานขอทานคาวก่อนนิดนึงฮะ
Hip’ Club แซนวิชชิ้นโตฮะ
Country Chicken Burger นี่ก็ชิ้นบะเริ่มเลยฮะ
ทานกับน้ำส้มคั้นสดๆ
ต่อกันด้วย AfterNoon Tea เซ็ทครับ เซ็ทนี้รู้สึกจะ 450 บาทฮะ
นอกจากนี้ที่ Drift ก็ยังมีเบเกอรี่ให้เลือกทานอีกด้วยนะครับ
Sesame Crash
Creme Brûlée
Tiramisu
และสุดท้าย Sweet Caviar
หลังจากอิ่มแล้วผมก็มีนัดต่อที่ Eforia Spy ครับ ผมจองสปาเอาไว้แต่มาทำหลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว
เอโฟเรีย สปา ตั้งอยู่ที่ชั้น 17 ของโรงแรมซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่และฟิตเนสเซ็นเตอร์ครับ ก่อนเข้าโปรแกรมก็จะมีการเลือกผลิตภัณฑ์ซึ่งของคุณผู้ชายก็มีนะครับ
ผบ.ทบ.จริงๆเป็นคนไม่ชอบการนวดอย่างแรงเพราะว่าเป็นคนที่ใครโดนตัวก็จะจั๊กกะจี๋ ก็เลยให้เข้าโปรแกรมทำเล็กมือเล็บเท้าไปซะ
เพลินเลินเลยล่ะครับ มีการสปามือ นวดและตัดเล็บพร้อมขัดมือและเท้าให้เรียบร้อย
มีสีเล็บให้เลือกเยอะเลยครับ แถมผลิตภัณฑ์ทุกอย่างก็มาจาก OPI ผลิตภัณฑ์ชื่อดังทางด้านนี้อีกด้วยฮะ ทำออกมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการตัด ระ ซอยผมอีกด้วยนะครับ
ส่วนตัวผมก็เข้าโปรแกรมนวดแบบ Men’s journey ครับ เป็นการนวดโดยใช้ไม้ไผ่ร้อนค่อยๆนวดประคบให้ทั่วร่างกาย ร่วมกับผลิตภัณฑ์สปาครับ
ห้องทำสปาก็จะมีหลายห้องฮะ มีทั้งนวดปกติ และนวดไทยครับ
มีรูปให้ดูรูปนึงตอนผมกำลังนวดอยู่ ไม่อยากให้ดูเยอะเดี๋ยวเห็นขาอ่อนช้างแล้วจะอดใจไม่ไหวฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า
นวดครบโปรแกรมก็ใช้เวลา 90 นาทีครับหลับสบายเลยผม เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวมานั่งพักที่ห้องรีแล็กซ์ มีน้ำขิงกับคุ้กกี้ให้ทานด้วยครับ
ออกมาจากสปามาก็เย็นพอดีครับ เห็นคนเต็มด้านนอกของดริฟท์เลยฮะก็เลยรีบเดินออกไปดู สรุปเค้ามายืนดูพระอาทิตย์ตกดินกันอยู่
รีบวิ่งกลับเข้าไปตามผบ.ทบ.มาดูไข่แดงด้วยกันฮะ เลยให้เป็นนางแบบซะเลย สวยเชียวววว
สรุปทริป ..
ฮิลตันพัทยา เป็นโรงแรมเชนระดับ 5 ดาวที่ผมว่าน่าจะลงตัวที่สุดในพัทยาครับ ทั้งการบริการ ห้องพัก การออกแบบ ส่วนต่างๆทำได้อย่างลงตัวและทำให้ฮิลตันพัทยาเป็นโรงแรมอีกหนึ่งโรงแรมที่ดีที่สุดในพัทยา ข้อดีของที่นี่คือใกล้แห่งชุมชน ใกล้ห้าง และหาอาหารทานง่าย ห้องพักสะอาดและยังดูใหม่มากเมื่อเทียบกับระยะเวลาการเปิดบริการ
ข้อด้อย เนื่องจากความเป็นโรงแรมเชน ราคาเลยแรงไปด้วย และเนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองเวลากลางคืนเลยจะมีเสียงดนตรีเล็ดรอดเข้ามารบกวนการนอนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะนักกับคนนอนยากแบบผม
สิ่งที่พลาดไม่ได้ .. Horizon บาร์ลอยฟ้าที่แขกที่ไม่ได้พักในโรแรมก็ขึ้นไปใช้บริการได้ ราคาเครื่องดื่มไม่แพงไปนัก และผมยกให้เป็นจุดชมวิวและนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากที่สุดของอ่าวพัทยา
ปล.ช่วงนี้เนื่องในเดือนแห่งความรักทาง Hilton มีโปรโมชั่นสำหรับคู่รักทั้งทานอาหารที่ Horizon และสปาแบบคู่รักที่ Eforia ถ้าสนใจลองโทรสอบถามกับทางโรงแรมได้ครับ
ขอบคุณฮิลตันพัทยาที่เชิญผมไปเป็นแขกและยังรอผมอยู่หลังจากที่ผมแอบปฎิเสธด้วยเหตุผลอื่นๆไปหลายครั้ง มีโอกาสคงกลับไปเยี่ยมอีก ขอบคุณผู้ชมทุกท่านครับ ไม่มีคุณรีวิวผมก็ไร้ความหมาย ขอบคุณผบ.ทบ. ที่เที่ยวด้วยกันไม่หยุดเลยโดยไม่บ่นซักคำ ขอบคุณทุกๆคนมากๆครับ สำหรับรีวิวตอนหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนรอตืดตามนะครับ
ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ