การที่เราไปพักผ่อนที่ไหนซักที่บ่อยๆ นั่นน่าจะหมายถึงเราชอบที่นั่นเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าที่ที่ผมพาไปวันนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมพูดถึง
” The Habita ” โรงแรมน้องเล็กในเครือศรีพันวาอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นลูกไม้ไม่ไกลต้น
เพราะมันอยู่ในอาณาบริเวณของศรีพันวา บนพื้นที่บนแหลมพันวา ภูเก็ตเองนั่นล่ะครับ
ที่จริง The Habita เปิดให้บริการมาพักใหญ่ๆแล้วครับ แต่ผมเองก็เพิ่งได้มีโอกาสมาใช้บริการเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมานี่เอง
ไปดูอีกหนึ่งโรงแรมที่มากี่ครั้งก็ประทับใจของผมกันเลยครับ
ศรีพันวา .. ชื่อนี้น่าจะเป็นรีสอร์ทในฝันของใครหลายๆคน
และแน่นอนว่านี่คือโรงแรมระดับ 5 ดาวอันดับต้นๆของจังหวัดภูเก็ตรวมถึงในเมืองไทยที่หลายๆคนรู้จัก
ศรีพันวา ตั้งอยู่ปลายแหลมพันวาทางใต้สุดของเกาะภูเก็ต ถ้าเราเดินทางจากสนามบินภูเก็ตมาน่าจะใช้เวลาราวๆ 40 นาทีได้ครับ
เมื่อเรามาถึง เราต้องมาแวะที่จุดแรกที่เรียกว่าศาลากันก่อน ตรงนี้จะเป็นจุดเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ของทางโรงแรมครับ
เดินลงมาด้านล่างของศาลาก็จะเป็นล็อบบี้ ตรงนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกและของใช้ด้วยครับ ใครอยากได้เสื้อกระเป๋ารองเท้าของศรีพันวาซื้อตรงนี้ได้เลย
เมื่อเราจัดการเรื่องเอกสารการเข้าพัก และฟังพนักงานแนะนำโรงแรมคร่าวๆเราก็ต้องนั่งรถกะป้อไปยังห้องพักของเราครับ
ครั้งนี้เรามาพักในโซนที่เรียกว่า The Habita อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรก
The Habita เป็นโซนที่พักอีกแบบของศรีพันวา โดยโซนนี้เป็นอาคาร 3 ชั้นแทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ในห้องพักสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้ทุกห้อง
โดยห้องพักมีทั้งหมด 30 ห้องเท่านั้น แบ่งเป็นห้อง Pool Suite 20 ห้อง เป็นห้องมาตราฐานขนาด 70 ตร.ม.
และห้อง Penthouse 10 ห้อง เป็นห้องพักขนาด 140 ตร.ม. ซึ่งผมได้เข้าพักในห้องพักประเภทนี้ครับ
บรรยากาศของโซน The Habita เงียบสงบ แฝงในธรรมชาติตามคอนเซปของโรงแรมที่พยายามไม่ทำลายธรรมชาติ
สร้างสิ่งปลูกสร้างให้เข้ากับธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยู่ในศรีพันวาเราจะเห็นต้นไม้ใหญ่ๆ มองไปทางไหนก็เจอสีเขียวของธรรมชาติ
พื้นที่ส่วนกลางของ The Habita หน้าอาคารจะมีสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบสวยงาม มีชั้นน้ำตกและพื้นที่พักผ่อนลดหลั่นกันสวยงาม
เข้ามาดูกันที่ห้องพักกันบ้าง ตามที่บอกไว้เราเข้าพักในห้องแบบ Penthouse ซึ่งห้องมีขนาดใหญ่มากครับ
ห้องที่ผมพักคือห้อง P5 อยู่บนชั้น 2 ของอาคาร เปิดเข้าห้องมาเราจะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่นก่อน
ส่วนนี้จะมีโต๊ะทานอาหาร มีผลไม้ต้อนรับ ตู้เย็นขนาดใหญ่ ข้างในมีเครื่องดื่มหลายชนิด ช่องแช่แข็งมีไอติมหลอดวัยเด็กให้ทาน
เคาเตอร์เตรียมอาหารที่มีซิงค์ล้างจาน มินิบาร์ เครื่องทำกาแฟ เครื่องทำน้ำร้อน และจาน ชาม ช้อน ส้อมอยู่ในตู้ให้พร้อม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฟรีสำหรับผู้เข้าพักนะครับ และของทุกอย่างจะเติมให้เต็มทุกวันที่เราเข้าพักครับ
อีกห้องจะเป็นส่วนของห้องนอน ซึ่งกั้นระหว่างห้องด้วยบานเลื่อนไม้ขนาดใหญ่
เตียงนอนของห้องนี้เป็นเตียงกลม (เหมือนบางห้องจะเป็นเตียงใหญ่มาตราฐานนะครับ) หัวเตียงมีโต๊ะทำงาน ปลายเตียงเป็นทีวีและเครื่องเสียง
ซึ่งถ้าใครเคยมาพักในเครือนี้หรือเคยอ่านรีวิวเก่าๆของผมจะคุ้นเคยกันดีว่าที่นี่ใช้เครื่องเสียง Bose ทุกห้อง
มี iPod เปิดเพลงชิลๆให้เราพักได้ตลอดเวลา เคเบิ้ลทีวีเป็น True Visions พักที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกเลย
มาที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านหลัง ห้องน้ำมีขนาดใหญ่มากครับ เช่นเดียวกันมีบานเลื่อนไม้ปิดแยกห้องน้ำเป็นสัดส่วนได้
มีตู้เสื้อผ้า เซฟ เสื้อคลุมอยู่ในห้องน้ำ
อ่างล้างหน้าแยก 2 อ่าง มีอ่างอาบน้ำใหญ่ ห้องส้วมกับห้องอาบน้ำแยกส่วนกัน
กลับมาที่ห้องนั่งเล่น โซฟาตัวแอลขนาดใหญ่ มองเห็นวิวทะเล ห้องนี้ก็มีทีวีและเครื่องเสียงให้ด้วยเช่นกัน
ระเบียงของทุกห้องจะมีสระว่ายน้ำเล็กๆ ซึ่งห้อง Penthouse ก็จะกว้างขึ้นหน่อย ความลึกสระจะอยู่ที่ 1.2 เมตร
ลงมาดูรอบๆโซน Habita กันบ้าง
ใครชอบถ่ายรูปแน่นอนว่ามีมุมถ่ายรูปเก๋ๆให้โพสหลายมุมเลยครับ
มองไปทางไหนก็รู้สึกว่าเราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ส่วนตัวคิดว่าสระว่ายน้ำส่วนกลางที่นี่สวยมากนะครับ อาจจะมองวิวทะเลไม่เต็มตานักแต่ก็ว่ายน้ำได้ชิลๆ
ใครที่คิดว่าสระในห้องตัวเองเล็กไป จะลงมาเล่นน้ำสระใหญ่ก็ได้ฟีลอีกแบบ
ถ้าเป็นช่วงบ่ายๆ ก็อาจจะมีแขกต่างชาติมาเล่นน้ำหรือนอนอาบแดดบ้าง แต่ก็ไม่เยอะครับ สงบเงียบดีเลย
บรรยากาศยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ฝั่ง Habita นี้เป็นฝั่งที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ในมุมเฉียงๆหน่อยครับ
ช่วงค่ำก็จะมีแม่บ้านมา Turn Down เตียงให้ แต่พอดีผมถ่ายภาพไว้ตอนที่แม่บ้านยังไม่มานะครับ
อ่อ ระบบไฟในห้องเป็นแบบอัจฉริยะ มีหลายโหมดการใช้งานให้เลือก สั่งงานได้ด้วยการกดปุ่มที่เครื่องสั่งงาน
ม่านกันแดดและม่านห้องน้ำก็สั่งงานอัตโนมัติผ่านระบบนี้ได้เช่นกัน
ส่วนกลางของ Habita ตอนหัวค่ำก็สวยงามไม่แพ้กลางวันเลยครับ
ที่ชั้นล่างของ The Habita จะมีห้องอาหารที่ชื่อว่า BABA CHINO เป็นร้านอาหารจีนที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 – 22.00น
นี่เป็นหนึ่งในห้องอาหารหลายแห่งของศรีพันวา แต่เราไม่ได้ลองทานอาหารที่นี่นะครับ เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
ได้ชมส่วนต่างๆของ The Habita กันไปแล้ว เดี๋ยวไปชมส่วนอื่นกันบ้างครับ
เช้าวันต่อมา เราตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่นหลังจากได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่
เราเรียกใช้บริการรถกะป๊อให้พาเราไปส่งที่ BABA POOLCLUB เพื่อที่จะทานอาหารเช้ากัน
อาหารเช้าเราต้องมาทานร่วมกับลูกค้าจากโซนอื่นๆ ถ้าอยากทานแบบสบายๆแนะนำให้มาทานช่วงก่อน 9 โมงเช้าครับ
ถ้ามาหลังจากนั้นคนจะเยอะ และอาหารเช้าจะปิดให้บริการ 10 โมงครับ
อาหารเช้าให้บริการหลากหลายประเภท ทั้งอาหารไทย จีน อาหารพื้นเมือง อาหารเช้าแบบฝรั่ง
บางอย่างสามารถตักทานเอง บางอย่างเราสามารถสั่งกับทางพนักงานอย่างเช่น เมนูไข่ ไส้กรอก แฮม แพนเค้ก วัฟเฟิล
ขนมปังต่างๆ ติ่มซำ เบเกอรี่ ชา กาแฟ น้ำผลไม้คั้นสดมีให้เลือกหลากหลายจริงๆครับ
BABA POOLCLUB เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของศรีพันวา นอกจากเป็นที่ที่เราต้องมาทานอาหารเช้าแล้ว
ที่นี่ยังมีห้องอาหารอื่นๆอย่าง BABA HOTPOT (ชาบู) BABA Q (อาหารอินเตอร์เนชั่นแนง) BABA IKI (อาหารญี่ปุ่น)
BABA 88 (คลับและบาร์) คลาสสอนทำอาหาร ห้องประชุมสัมมนา และสระว่ายน้ำส่วนกลางอีกหนึ่งที่แต่มีขนาดเล็ก รวมถึง Game Room ด้วย
โต๊ะหลุม อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของที่นี่ ซึ่งต้องจองล่วงหน้าเพราะมีแค่ 4 โต๊ะและเต็มทุกวัน
กลับมากี่ครั้งก็ต้องมาถ่ายภาพมุมนี้
นอกจากนี้ข้างๆ POOLCLUB ยังมีทางเดินออกยัง Beach Pool
ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งสระว่ายน้ำที่อยากให้มาใช้บริการ เพราะค่อนข้างเงียบสงบและวิวสวย
เราสามารถมองเห็นวิวห้องพักฝั่ง Lv. ของศรีพันวาได้ในมุมนี้เลย
ข้างๆกันมีทางเดินลงไปที่หน้าหาด เดินขึ้นลงพอเหนื่อยครับ
ศรีพันวามีหาดทรายนะครับ แต่เป็นหาดเล็กๆและไม่เหมาะจะลงเล่นน้ำเพราะด้านล่างมีหินแหลมๆเยอะ
แต่ก็สามารถสน็อคเกิ้ล หรือพายคายัคได้ ซึ่งจะมีพนักงานคอยให้บริการอยู่ด้านล่าง
อีกสิ่งนึงที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่คือลงไปถ่ายรูปมุมสวยๆของศรีพันวาที่สะพานเรือของโรงแรม
มุมที่ได้ก็จะประมาณนี้ครับ
วิลล่าที่เห็นเป็นวิลล่าที่เรียก Lv. หรือ Luxury Villa เป็นวิลล่าที่ใครๆก็อยากมาพัก
ผมเองมีโอกาสได้มาพักวิลล่าฝังนี้ถึง 3 ครั้งแล้ว ถ้าอยากชมรีวิวเก่าเดี๋ยวผมทิ้งลิ้งค์ไว้ท้ายรีวิวนะครับ
เดินออกมาก็จะเสียวๆลุ้นๆหน่อยเพราะมันเป็นสะพานลอยน้ำ แต่ออกมาแล้วได้รูปสวยๆแบบนี้ก็คุ้มค่านะ
เที่ยวเล่นเรื่อยเปื่อยก็ได้เวลามื้อบ่าย มื้อนี้เราจะมาทานกันที่ BABA HOT BOX
ซึ่งเป็นร้านอาหารที่อยู่ที่ The Habita
HOT BOX เป็นห้องอาหารแนว BBQ ปิ้งย่าง ด้วยวัตถุดิบหลากหลายทั้ง เนื้อ หมู ไก่ แกะ ซีฟู๊ด
ย่างด้วยเตา Josper บอกเลยว่ากลิ่นหอมนี่ล่ะมันลอยเตะจมูกจนต้องมาลองทาน
แค่นั่งมองวิธีการทำตรงหน้าก็พากระเพาะร้องด้วยความหิวระดับ 10 กันแล้วล่ะครับ
มาดูกันดีกว่าว่าวันนี้เราสั่งอะไรกันบ้าง
เมนูแรกที่สั่งชื่อ Long Bone (Kalbi) เมนูนี้ไปนอนโรงแรมในเครือศรีพันวาที่ไหนก็ต้องสั่งมาทาน
เนื้อส่วนซี่โครงติดกระดูกหมักเกลือและน้ำมันมะกอก ย่างกำลังดี
ปิ้งย่างที่นี่เสิร์ฟให้ทานพร้อมกับแป้งตอติญ่า ผักสด ผักย่าง พร้อมซอสอีก 5 ชนิด
จานที่สองเป็น Wagyu Beef Bacon เนื้อวากิวเกรดพรีเมียมจากออสเตรเลีย
ย่างกำลังดีหอมกลิ่นมันและนุ่มมากๆเพราะมันแทรกระหว่างเนื้อลายสวยๆจานนี้ห้ามพลาดจริงๆ
ซีฟู๊ด เราเลือกกุ้งลายเสือตัวยักษ์ๆสดและเนื้อแน่นมากๆ หมักเกลือและพริกไทยดำ
จานเบาๆซึ่งคุณภาพไม่เบาอย่าง BBQ Pork Belly เบอร์เกอร์ที่เลือกเอาเนื้อหมูตรงสามชั้นมาฉีกเป็นเส้นๆ
ผสมกับซอสแจ๊คแดเนียลบาร์บีคิวฉุ่มฉ่ำลงตัว เสิร์ฟพร้อมเฟรนฟราย
ตบท้ายด้วย ไอศกรีมเชอร์เบทเสาวรสและลิ้นจี่ ขอบอกว่าใครมาพักที่นี่ห้ามพลาดการมาทานปิ้งย่างอร่อยๆของ Hot Box นะครับ
อิ่มพุงตึง .. กลับมาที่ห้องพัก อากาศดีๆ อาหารย่อยแล้วเราก็เล่นน้ำสิครับ
ห้องที่เราพักเป็นห้องหัวมุมอาคารพอดี สระว่ายน้ำเลยจะมองเห็นวิวกว้างกว่าปกติหน่อย
วิวจากสระก็จะประมาณนี้ เห็น Hot Box อยู่ข้างล่างเลย
เล่นน้ำพักผ่อนกับจนอิ่มได้เวลาอีกหนึ่งไฮไลท์ครับ
วันนี้เราจะขึ้นไปที่ BABA NEST รูฟท็อปบนจุดที่สูงที่สุดของศรีพันวา ที่มองเห็นวิวได้ 360 องศากัน
ที่จริงผมเคยขึ้นไปมาแล้วครั้งนึงเมื่อครั้งก่อนที่มาพัก แต่มาทั้งทีก็ไม่อยากจะพลาดขึ้นไปอีก
BABA NEST อยู่บนวิลล่า X23 ซึ่งเป็นวิลล่าที่พักของคุณปลาวาฬ อิสสระ และครอบครัว เจ้าของศรีพันวา
โซนบ้านพักจะปิดไว้ไม่ให้เข้านะครับ แต่เราสามารถมองวิวสวยๆแบบนี้ได้ เห็นวิวแล้วอิจฉาหนักมากจริงๆ
ขึ้นลิฟท์มาชั้นบนสุด .. เราจะได้เจอวิวแบบนี้เลยครับ
เนื่องจากข้างบนนี้สามารถรับลูกค้าได้ประมาณแค่ 12 โต๊ะ ผู้ที่ต้องการขึ้นมาใช้บริการของ BABA NEST ต้องจองล่วงหน้า
และที่นี่ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่เข้าพักในศรีพันวาและ Habita เท่านั้น
โดยจะมีค่าบริการขั้นต่ำท่านละ 1000 บาท โดยสามารถใช้หักค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มที่มีให้บริการบน BABA NEST ได้ครับ
ที่นี่เปิดให้บริการเฉพาะช่วงเย็นเป็นต้นไป ถ้าให้แนะนำควรขึ้นมาซัก 5 ครึ่งกำลังดีครับ
เพราะแดดเริ่มอ่อน ไม่ร้อนมาก และได้นั่งรอชมพระอาทิตย์ตกด้วย
ผมยกให้ที่นี่เป็นรูฟท็อปอันดับหนึ่งของภูเก็ตเลยครับ ที่จริงที่นี่เหมือนจะเคยติดอันดับรูฟท็อประดับโลกมาแล้วด้วยซ้ำถ้าจำไม่ผิด
บรรยากาศช่วงพระอาทิตย์กำลังตก สวยมากๆ
แนะนำว่าถ้ามาพักที่นี่ก็ควรขึ้นมานะครับ ถ้าวันที่อากาศดีๆบรรยากาศบนนี้โรแมนติกมากๆ
แถมรูปจากวิลล่า Lv. 3 ใบครับ ใครอยากดูรีวิววิลล่าฝั่ง Lv. และส่วนอื่นๆของศรีพันวาเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ตามลิ้งค์นี้เลยครับ
http://www.travelholicbigboy.com/sri-panwa-ภูเก็ต/
ศรีพันวา โซน The Habita เป็นอีกหนึ่งที่พักที่อยากแนะนำครับ
สำหรับใครที่ต้องการที่พักที่สะดวกสบาย หรูหราระดับ 6 ดาว ที่นี่สามารถตอบโจทย์ของคุณได้แน่นอน
สำหรับตัวผมที่มีโอกาสได้พักโรงแรมในเครือนี้มาทุกที่ทั้ง
ศรีพันวา , Baba Beach Club Phuket , Baba Beach Club Hua Hin และที่สุดท้าย The Habita
ทุกที่ผมประทับใจทุกครั้งที่ได้พัก
The Habita ตัวอาคารที่พักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ห้องพักสะดวกสบาย
ที่สำคัญราคาถูกกว่าที่พักโซนวิลล่าของศรีพันวาพอสมควร
แต่เราได้รับการบริการ และใช้บริการทุกอย่างได้เหมือนโซนอื่นๆ
ที่ศรีพันวายังมี Cool Spa ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว มีสนามเทนนิส ห้องเกม ห้องอาหารอีกหลายที่ที่ผมเองก็ยังไม่ได้ใช้บริการ
ผมบอกเสมอทุกครั้งว่าถ้าพูดถึงศรีพันวา ที่นี่คือ”บ้านพักตากอากาศ”ของผม
ช่วงที่ไปเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ราคาที่พักไม่ได้แพงจนเกินเอื้อม ราคาตรงที่จองกับโรงแรมราคาพอๆกับเอเจนท์ใหญ่ๆเลยครับ
ถ้าใครสนใจลองเช็คราคาได้ที่ https://www.sripanwa.com
หรือติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นของโรงแรมได้ทาง https://www.facebook.com/SripanwaPhuket
Instagram https://www.instagram.com/sripanwa/
ขอบคุณที่ติดตามครับ รีวิวหน้าเป็นที่ไหนรอติดตามได้นะครับ ..