นางเอกของเราก็มี
ดอกบ๊วย
ดอกไม้หลากหลายชนิด
บริเวณสวน๘๐ จะเป็นที่ตั้งของสโมสรอ่างขางครับ เป็นร้านอาหารที่เปิกให้บริการอาหารทุกมื้อ
เช้าจะเป็นอาหารเช้าแบบ buffet ราคาต่อหัวน่าจะ 150 บาทมั้งครับไม่แน่ใจ
เที่ยงและเย็นเปิดเป็นร้านอาหารมีอาหารหลากหลายชนิดบริการ
แต่วัตถุดิบส่วนใหญ่จะมาจากในโครงการหลวงแทบทั้งสิ้นครับ
** พิเศษหน่อยตรงช่วงหน้าหนาวช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆทางสโมสรจะจัดอาหารเย็นเป็นแบบ Buffet ซึ่งบอกเลยว่าอาหารเย็นแบบ Buffet ของที่นี่อร่อยมากฮะ (ราคาต่อหัวน่าจะ 250 บาทถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
แปลงกุหลาบอังกฤษข้างสโมสร .. ด้านหลังเป็นแปลงซากุระแท้ที่ทางสถานีปลูกไว้ด้วยครับ
แปลงซากุระแท้ เห็นใส่ถุงเท้าสีขาวแบบนี้ถามได้ความมาว่าต้องทาไว้กันหนอนเจาะครับ
ปีที่แล้วโดนเจาะไปเยอะ กลัวว่าจะตายเพราะหนอนซะก่อนเลยต้องกันไว้ฮะ
ชมกันยาวๆครับ ซากุระเมืองไทยของแท้
ตามริมถนนก็มีการปลูกเอาไว้เป็นแถวเลยครับ เวลาออกดอกพร้อมๆกันนี่สวยไม่ใช่เล่น
แปลงผัก ตรงนี้เรียกว่า Veggies House เป็นเหมือนโรงเรียนอนุบาลผัก ข้างในมีร้านกาแฟอยู่ด้วยครับ
ตรงข้ามกับ Veggies House จะเป็นแปลงต้นบ๊วย เสียดายตอนที่ไปเริ่มแทงใบหมดแล้วเลยเห็นไม่เยอะเท่าไหร่
มี 2 สีนะครับ สีขาวกับสีชมพู ดอกบ๊วยจะเล็กกว่าดอกนางพญาเสือโคร่งนะครับ นางพญาเสือโคร่งจะเป็นดอกตูมๆ ดอกบ๊วยจะเล็กๆแบบที่เห็น
ซากุระตามทางสวยงามเลยครับ
นอกจากในสถานีแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่รอบๆครับ เริ่มจากไร่สตรอเบอร์รี่บ้านนอแล
ช่วงที่เหมาะสมที่น่าไปเที่ยวคืนช่วงเช้ามืดครับ ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เห็นพระอาทิตย์สวยๆ
แสงสวยๆ รวมถึงหมอกสวยๆอีกด้วย วันที่ไปเจอหมอกด้วยครับ แต่ไม่เยอะเท่าไหร่
อีกที่คือ ไร่ชา แปลง2000 อยู่ก่อนถึงไร่สตรอเบอร์รี่บ้านนอแลนิดหน่อย ด้านล่างมีของขายครับ
แต่ผมไม่ได้ลงไปเพราะคนเยอะมากๆรถจอดลำบากหน่อย แต่ไปเดินเล่นในไร่ได้นะครับ
ช่วงที่ไปถ้าเจออากาศหนาวจัดๆก็อาจจะได้เจอเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้งบนดอยอ่างขางได้เช่นกันครับ
อย่างช่วงที่ผมไปก็มีเหมยขาบในทุกๆเช้าเหมือนกัน
จุดที่เจอได้บ่อยก็อยู่ในสถานีเกษตรหลวงนั่นล่ะครับ อย่างที่แปลงสาลีที่เห็น
เหมยขาบจะเกิดขึ้นได้อุณหภูมิยอดหญ้าต้องต่ำกว่า 0 องศาครับ
นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวม่อนสน ตรงนี้เป็นจุดชมวิวและจุดกางเต้นท์ด้วยครับ
จุดนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและถ้าวันไหนโชคดีจะได้เจอทะเลหมอกสวยๆตรงจุดนี้ครับ
มองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้จากจุดชมวิวนี้ด้วยครับ
ดอยอ่างขางไม่มีจุดชมพระอาทิตย์ตกสวยๆครับ แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีให้เห็นนะ
ตรงจุดชมวิวตรงทางไปบ้านนอแลสามารถชมพระอาทิตย์ตกสวยๆได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องหามุมหน่อย
อีกจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาในช่วงดอกนางพญาเสือโคร่งบานคือด้านหลังโรงเรียนเทพศิรินทร์๙
หรือตรงหน้าสถานีเกษตรหลวงเลยครับ จากวงเวียนหน้าสถานีจะมีซอยเล็กๆทางด้านซ้าย
เดินเข้าไปนิดเดียวก็เจอแล้วครับ วิวสวยมากเลยทีเดียว
บทสรุป ..
ดอยอ่างขางเที่ยวได้ทั้งปีนะครับ ไม่ใช่หน้าหนาวก็เที่ยวกันได้
ดอกไม้หรือสวนต่างๆมีการตกแต่งสวยงามทั้งปี เพียงแต่ถ้าอยากไปชมดอกซากุระในสถานีเกษตรหลวง
หรือดอกนางพญาเสือโคร่งรอบๆก็ควรไปในช่วงเดือนมกราคม
พอปลายๆเดือนแบบนี้ก็เริ่มโรยไปจนเกือบหมดแล้วล่ะครับ
การเดินทางไปดอยอ่างขางอาจจะรู้สึกว่าใช้เวลาเดินทางนานมากเพราะต้องเลยตัวเชียงใหม่ไปอีกร่วมๆ 3 ชั่วโมง
ถ้าให้ดีแนะนำว่าควรไปนอนค้างซักคืนสองคืนกำลังดีครับ ไปนอนสูดอากาศบนดอยที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
ที่พักบนดอยอ่างขางมีหลายระดับครับ ในสถานีเกษตรหลวงก็มีบ้านพักตรงใกล้ๆสวน๘๐ อยู่หลายหลังหลายราคา
ผมเองก็ไปนอนบ้านพักของสถานีเหมือนกันครับ ชื่อบ้านคำดอยบ้านใหญ่สุดดีมากทีเดียว
แต่ไม่ได้มีภาพมาให้ชมเพราะสมาชิกไปกันหลายคน เข้าไปชมราคาและรูปภาพได้ที่
//www.angkhangstation.com/index.php?group=Travel&page=Accommodation
แต่อาจจะต้องจองล่วงหน้ากันนานหน่อยครับ บ้านที่ไปเพื่อนก็จองข้ามปีเลยทีเดียว
หรือหาโรงดีๆหน่อยก็มีอยู่หน้าสถานีฯ รวมไปถึงบ้านพักและห้องพักอีกหลายๆแห่งแถวๆหน้าสถานีก็มีให้เลือกหลายราคาครับ
เรื่องการเดินทาง ถ้าไม่ได้ขับรถไปเองก็อาจจะลำบากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวไม่ได้ ที่ไชยปราการ หรือฝางก็น่าจะมีรถสองแถวรับเหมาขึ้นไปบนดอยอ่างขางเช่นกันครับ
เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองไปเที่ยวกันดูครับ แล้วจะรู้ว่าดอยอ่างขางน่าเที่ยวมากกว่าที่เราคิดครับ